
SMALL IS BEAUTIFUL
ในโลกอุตสาหกรรม การผลิตคราวละมากๆย่อมสร้างความได้เปรียบจากการกระจายต้นทุนคงที่ไปตามจำนวนการผลิตที่มากขึ้น ซึ่งมีศัพท์เฉพาะเรียกว่า ความได้เปรียบจากขนาด (Economy of Scale) ซึ่งนอกจากการผลิตแล้วบางครั้งยังรวมไปถึงงานบริการและธุรกิจอื่นๆด้วย ในธุรกิจบางประเภท จึงมีคำกล่าวว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก เพราะผู้เล่นหน้าใหม่จะสอดแทรกเข้าไปได้ยากมากๆ เนื่องจากเจ้าตลาดนั้นมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำมากๆ จากการที่ต้นทุนคงที่นั้นคืนทุนไปเยอะแล้วและมีฐานลูกค้าจากการที่อยู่ในวงการมานาน อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่อินเตอร์เน็ตถือกำเนิดขึ้นมาและเริ่มมีบทบาทในการดำเนินธุรกิจเมื่อประมาณกลางยุค 90s คำกล่าวที่ว่า ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ก็ดูจะมีข้อยกเว้นมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อจำกัดที่เคยเป็นกำแพงกั้นผู้เล่นรายใหม่ในหลายประเภทธุรกิจเริ่มพังทลายลง หลายอย่างที่เคยเป็นข้อได้เปรียบของบริษัทใหญ่กลับกลายมาเป็นข้อเสีย ในสมัยแรกๆ ที่เริ่มมีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในธุรกิจ บริษัทใหญ่ๆยังคงความได้เปรียบอยู่เพราะอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มีราคาแพง การทำ network และ server จัดเก็บไฟล์ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ทุกวันนี้ ฮาร์ดแวร์มีราคาถูกลงมาก ค่าบริการอินเตอร์เน็ตก็แทบจะฟรี และยังมี Cloud Service มากมายให้ใช้ฟรี แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาอินเตอร์เน็ตจนทำให้เกิดการสื่อสารสองทางและเกิดการซื้อขายผ่านเว็บไซต์ขึ้นมา ลองนึกภาพว่าสมัยก่อน หากเราจะซื้อของสักอย่างที่ไม่มีขายในเมืองไทยนี่วุ่นวายไม่น้อยเลยนะครับ เราต้องไปให้ตัวแทนจำหน่ายสั่งมาจากเมืองนอก หรือบางทีไม่มีตัวแทนก็ต้องพยายามถามๆเอาจากผู้รู้เองว่ามีขายที่ไหน ใครไปเมืองนอกก็ค่อยฝากหิ้วกลับมา ทุกวันนี้เราเพียง search หาในอินเตอร์เน็ต ผู้ขายอาจจะอยู่คนละซีกโลก เราก็ยังสามารถเทียบราคาหลายๆร้านในอินเตอร์เน็ต เพียงแค่คลิกสั่งซื้อ/จ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต ของก็มาส่งถึงบ้าน ช่องทางที่เปิดโอกาสให้ supply และ demand มาพบกันอย่างไร้พรมแดนนี้ ทำให้เกิดทางเลือกในการซื้อขายผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆมากมาย หลายธุรกิจเกิดขึ้นใหม่เพราะอินเตอร์เน็ต ในขณะเดียวกัน หลายธุรกิจก็ค่อยๆล้มหายตายจากไปโดยเฉพาะธุรกิจที่ ”คนกลาง” เคยมีบทบาทสำคัญ เช่น ธุรกิจรับจองตั๋วเครื่องบิน ปัจจุบันบางสายการบินอย่างแอร์เอเชียให้ลูกค้าจองตั๋วผ่านเว็บไซต์เท่านั้นเพื่อลดต้นทุน หรือ ในธุรกิจรับซื้อขายของมือสองไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้, รถ, บ้าน ปัจจุบันผู้ขายมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาคนกลางน้อยลงเรื่อยๆ เพราะมีช่องทางในการให้ข้อมูล เลือกซื้อและต่อรองราคากันเองได้โดยตรง ในอดีต ร้านขายของขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มหาศาลในการเก็บของหลากหลายประเภทเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด การมีพื้นที่เก็บของรวมไปถึงพื้นที่วางโชว์สินค้านี้ ยิ่งมีมากก็ยิ่งดีเพราะยิ่งดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นจุดเสียเปรียบในธุรกิจสมัยใหม่เพราะยิ่งพื้นที่มากค่าใช้จ่ายก็ยิ่งสูง แต่ร้านเล็กๆก็สามารถนำเสนอสินค้าของตนเองผ่านหน้าเว็บไซต์ด้วยต้นทุนที่ต่ำมากๆ และอาจจะใช้พื้นที่ในบ้านตัวเองเก็บของ หรืออาจจะไม่ได้เก็บสต็อกอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้ามีคำสั่งซื้อค่อยไปเอาของจากที่อื่น อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องมีสินค้าที่หลากหลายเพราะลูกค้าจะค้นหาเฉพาะของที่ตนต้องการ ถ้าเรามีของที่ลูกค้าต้องการพอดีก็ขายได้ไม่ยาก จุดที่สำคัญกว่าคือราคา เพราะลูกค้าสามารถเปรียบเทียบราคาได้ง่ายมากๆ ข้อเสียอีกประการของบริษัทใหญ่คือ อุ้ยอ้าย การจะปรับเปลี่ยนนโยบายหรือทิศทางการดำเนินธุรกิจทำได้ลำบาก ในอดีตข้อนี้ยังไม่สำคัญนัก เพราะบริษัทใหญ่จะมีช่องทางที่รับข้อมูลข่าวสารได้เร็วกว่าและดีกว่าบริษัทเล็ก ทำให้สามารถจัดเวลาและทรัพยากรในการปรับตัว แต่ปัจจุบันบริษัทเล็กๆก็สามารถเข้าถึงข้อมูลได้พอๆกันและยังสามารถปรับเปลี่ยนการดำเนินงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เร็วกว่า บริษัทเล็กๆจึงได้เปรียบมากในการทำสินค้าที่ customize ตามความต้องการของลูกค้า ลองศึกษาข้อได้เปรียบเหล่านี้ดู บางทีอาจจะช่วยให้คุณเห็นแง่มุมที่เป็นประโยชน์ต่อการทำธุรกิจของคุณครับ
ดร. อภิชาติ ชยานุภัทร์กุล บจก. พีแอนด์เอส สเตนเลสสตีลเซ็นเตอร์ ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลสปีที่9 ฉบับที่11/พฤศจิกายน 2557
|