127 hours
ในเดือนเมษายน ปี 2003 ขณะที่แอรอน ราลสตัน กำลังปีนเขา ในหุบเขา บลูจอห์น มลรัฐยูทาห์, สหรัฐอเมริกา หินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งได้ร่วงหล่นลงมาทับแขนขวาของเขา และตรึงให้เขาติดอยู่ในช่องหุบเขานั้น แอรอนไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับแผนการปีนเขาของเขาเลย และเข้าใจว่า จะไม่มีใครออกค้นหาเขา เป็นเวลากว่า 5 วันที่เขาดื่มน้ำที่เหลืออยู่ประมาณ 350ml ทีละน้อย พร้อมๆกับพยายามหาวิธีที่จะทำให้แขนของเขาเป็นอิสระจากก้อนหินขนาดสี่ร้อยกิโลกรัม ภายในสามวันแรก แอรอนพยายามยกและทำลายก้อนหิน แต่ขนาดของหินนั้นใหญ่เกินไปจนถึงวันที่สี่ แอรอนจึงตระหนักว่า เขาต้องตัดกระดูกของเขาให้ขาด แต่เครื่องมือที่มีอยู่ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะตัดกระดูกได้ เมื่อน้ำของเขาหมดลงในวันที่ห้า เขาสลักชื่อตัวเองและวันเกิดและวันที่คาดว่าจะเสียชีวิตบนผนังหิน เขาบันทึกคลิปวิดีโอถึงครอบครัว เพราะไม่คิดว่าตนจะอยู่รอดเกินคืนที่ห้านั้น แต่รุ่งเช้าวันที่ห้า เขาพบว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ จึงลองหาวิธีให้ตัวเองเป็นอิสระอีกครั้ง เขาลองใช้แรงบิดจนกระดูกหัก และใช้มีดตัดให้ขาดออกจากกัน ครั้งนี้เขาทำสำเร็จ ทว่า เมื่อแขนหลุดออกมาจากหินใหญ่แล้ว เขายังคงต้องไปที่รถของเขา จากจุดที่เขาติดอยู่ ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ เขาต้องปีนขึ้นมาตามผนังชันความสูงประมาณ 20 เมตรด้วยแขนข้างเดียว และต้องเดินเท้าอีก 13 กิโลเมตรก่อนจะถึงรถของเขา โชคดีที่ระหว่างที่เขาเดินไปที่รถ มีครอบครัวหนึ่งขับรถผ่านมา และได้ให้น้ำดื่มเขา แล้วรีบโทรไปขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม แอรอนเกรงว่า เขาอาจจะเสียเลือดมากเกินไปก่อนที่ความช่วยเหลือจะมาถึง ณ จุดนี้ เขาเสียเลือดไป 25% ของปริมาณเลือดในร่างกาย และน้ำหนักลดไปเกือบ โชคดีที่ทางครอบครัวเขาได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ออกค้นหาทางเฮลิคอปเตอร์อยู่ก่อน ทีมค้นหาจึงได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว เขาได้รับช่วยการช่วยเหลือหลังจากที่เขาตัดแขนตัวเอง 6 ชั่วโมง เรื่องราวของแอรอน ราลสตัน ได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ชื่อ 127 hours นำแสดงโดย เจมส์ ฟรังโก กำกับโดย แดนนี่ บอยล์ หนังเรื่องนี้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหลายสถาบันในหลายสาขา และกวาดไปมากมาย กล่าวถึงตัวหนังเอง อาจจะผิดขนบหนังทั่วไปตรงที่ไม่ได้มีเรื่องราวอะไร ไม่มีปมขัดแย้ง ไม่ได้มีตัวละครอะไรมากมาย เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับความคิดในหัวและสภาพจิตใจของตัวเอก และความพยายามดิ้นรนที่จะมีชีวิตอยู่ของมนุษย์คนหนึ่งที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่แทบจะไม่มีทางออก ถึงแม้ว่า การที่แอรอนรอดชีวิตมาได้นั้น ต้องเรียกว่า โชคเข้าข้างเขาอยู่ไม่น้อย เพราะถ้าเขาหักแขนตัวเองก่อนหน้านั้น เชื่อกันว่าเขาคงเสียเลือดตายไปก่อนที่จะพบทีมช่วยเหลือ และถ้าเขาเลือกที่จะทำช้ากว่านั้นก็อาจจะเสียชีวิตไปก่อน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้แอรอนรอดมาได้ คือ สติ และพลังใจที่เข้มแข็ง เกินคนธรรมดาทั่วไป ปัจจุบัน แอรอนเป็นวิทยากรให้กับหลายองค์กร เขาสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย จากการถ่ายทอดประสบการณ์เข้าใกล้ความตายที่สุดครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยทอดทิ้งความหวังที่จะมีชีวิตรอด ท่ามกลางวิกฤตการณ์จากอุทกภัยที่บ้านเรากำลังประสบอยู่นี้ ผมขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยทุกท่านผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปให้ได้นะครับ ท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง ก็เป็นธรรมดา ขอเพียงอย่าหมดกำลังใจไปก่อนครับ ขอทิ้งท้ายด้วยคำพูดของ Friedrich Nietzsche นักปรัชญาชาวเยอรมัน What doesnt kill us makes us stronger - สิ่งที่ไม่ทำให้เราตายทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น สวัสดีครับ
ดร. บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลสสตีล เซ็นเตอร์ ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลส ปีที่ 6 ฉบับที่ 69/ พฤศจิก่ายน 2554 |