
คิดให้ดีก่อนทำการตลาด ![]() ต้องยอมรับนะครับว่า การทำธุรกิจในปัจจุบันยากกว่าสมัยก่อนมาก เพราะมีการแข่งขันสูง โลกใบนี้เล็กลงมากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวสารข้อมูลเชื่อมต่อถึงกันหมด ธุรกิจไหนที่ทำกำไรได้มากก็จะมีคนโดดเข้ามาขอส่วนแบ่งอย่างรวดเร็ว ในช่วง 2-3 ปีมานี้ ที่เป็นยุคของ social network มีการทำการตลาดแบบใหม่ที่เป็นที่นิยมมากคือ การเสนอ super deal ให้ลูกค้า ผ่านทางเวบไซต์และ social network โดยมีเวบไซต์ที่รวบรวมและแจกคูปองลดราคาสำหรับสินค้าและบริการในราคาที่ต่ำกว่าปกติมาก บริษัทที่เริ่มทำก่อนคือ groupon ในชิคาโก้ ซึ่งจะติดต่อร้านค้าต่างๆ ให้มาทำการตลาดผ่านเวบไซต์ของ groupon และทางบริษัทจะได้ส่วนแบ่งจากคูปองที่ขายได้ ส่วนร้านค้าก็ได้ทำการตลาดให้คนรู้จัก ให้ลูกค้าใหม่ๆได้มาลอง และในส่วนของลูกค้าเองก็ได้ประโยชน์จากสินค้าและบริการในราคาพิเศษ groupon เปิดตัวได้ไม่นานก็สร้างปรากฏการณ์ เป็นตำนานหนึ่งของโลกไซเบอร์ หลังจากนั้นก็มีเวบไซต์ลักษณะนี้เกิดขึ้นมากมาย ของบ้านเราที่ดังที่สุดก็เห็นจะเป็น Ensogo.com ดูๆแล้วก็เหมือนจะดีนะครับ ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แต่เอาเข้าจริงแล้ว คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็เห็นจะเป็น groupon เพราะแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย รอรับส่วนแบ่งจากร้านค้าที่มาเข้าร่วมทำ deal อย่างเดียว ในส่วนของลูกค้าเองก็มีความเสี่ยงเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับสินค้าและบริการที่น่าพอใจหรือไม่ แต่ที่ดูจะเสียเปรียบที่สุดคงจะเป็นส่วนของร้านค้า เพราะนอกจากจะต้องเสนอ deal ในราคาที่ถูกมากๆแล้ว ยังต้องเสียส่วนแบ่งให้กับ groupon อีก โดยเฉพาะสำหรับสินค้าที่มาร์จิ้นไม่สูงแล้ว คูปองแต่ละใบที่ขายไปก็เท่ากับต้องควักเนื้อตัวเองเลยทีเดียว ซึ่งก็ต้องยอมรับในกติกาและถือเป็นค่าการตลาดไป อย่างไรก็ดี ร้านค้าก็ต้องพิจารณาราคา ต้นทุนให้รอบคอบก่อนตัดสินใจร่วมทำ deal ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นแบบกรณีร้านขายขนมที่ญี่ปุ่นรายนี้ครับ เรื่องของเรื่องก็คือ Groupon ได้เปิดดีลคูปอง "ขนมรูปปลาไท้" มูลค่า 1000 เยนโดยจ่ายเพียง 500 เยนเท่านั้น (ลด 50%) ซึ่งทางร้านขายขนมดังกล่าว จำกัดคูปองไว้ที่จำนวน 1,700 ใบ แต่หลังจากมีการใช้คูปองไปได้สักระยะหนึ่งก็เกรงว่าจะขาดทุน ทางร้านก็เลยยกเลิกดีลทั้งๆ ที่รับคูปองไปแค่ 400 ใบเท่านั้น ส่วนคูปองอีก 1,300 ใบที่มีอายุการใช้นานถึงเดือนมิถุนายน ทางร้านขายขนมอ้างว่า Groupon ค่อนข้างก้าวร้าวมากในความพยายามที่จะทำให้ทางร้านยอมตกลงเล่นที่จำนวนคูปองมากๆ โดยอ้างว่า มันสามารถช่วยธุรกิจของทางร้านได้จริงๆ ซึ่งในข้อตกลงของการทำคูปองสุดคุ้มนี้ Groupon จะได้ส่วนแบ่ง 250 เยนเป็นค่าบริการ โดยแบ่งจากยอดขาย 500 เยน นั่นหมายความว่า ทางร้านจะได้เงินเพียง 250 เยนสำหรับ"ขนมรูปปลาไท้"ที่ปกติจะขายในราคา 1,000 เยน อย่างไรก็ตาม ทางร้านตกลงรับเงื่อนไขดังกล่าว เพราะเชื่อว่า ลูกค้าใหม่ๆ ที่ใช้ดีลของ Groupon จะซื้อขนมอย่างอื่นจากทางร้านด้วย แต่ในความเป็นจริง ลูกค้าของ Groupon ที่เข้ามาในร้านกลับเป็นพวกที่เหนียวหนึบและใช้แค่คูปองเท่านั้น ทางร้านกล่าวว่า ต้องยกเลิกดีล เนื่องจากความอยู่รอดของธุรกิจสำคัญกว่าการเคารพสิทธิ์การใช้คูปองเหล่านั้น (อีก 1,300 ใบ) อย่างไรก็ดี ลูกค้าที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวจะสามารถใช้คูปองเพื่อขอเงินคืนจากทาง Groupon ได้ แน่นอนครับว่า กรณีนี้ทางร้านเสียเครดิตที่สุด แต่ก็ทำให้ groupon เสียชื่อไปด้วย เพราะลูกค้าไม่ได้รับสินค้าตามเงื่อนไขที่ groupon ไปจัดหามาให้ แต่ที่น่าตำหนิที่สุดก็ต้องเป็นร้านขายขนม เพราะ ทั้ง groupon และ ลูกค้าไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขอะไร ทุกอย่างเกิดจากการที่ร้านค้าคาดหวังไปเอง และเมื่อไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ก็ผิดสัญญากับคนอื่นเอาดื้อๆ การทำการตลาดผ่านเวบไซต์ลักษณะนี้ต้องยอมรับว่าน่าสนใจครับ แต่คงจะเหมาะกับธุรกิจที่มาร์จิ้นสูง และสามารถยอมรับได้กับราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการทำตลาด ฉะนั้นแล้วจะลงทุนกับการตลาดก็พิจารณาให้ดีนะครับ เลือกช่องทางที่เหมาะกับธุรกิจของเรา อย่าทำไปตามกระแส การผิดสัญญา ผิดเงื่อนไขนั้น ทำให้เสียเครดิต ความน่าเชื่อถือจากคู่ค้า/ลูกค้า และชื่อเสียงที่เสียไปแล้วใช้เวลานานกว่ามากที่จะกู้กลับคืนมาได้ครับ
ดร. บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลสสตีล เซ็นเตอร์ ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลส ปีที่ 7 ฉบับที่ 66/ กันยายน 2554
|