ReadyPlanet.com




เศรษฐกิจไทย 2556 article

ฉบับนี้ ขออนุญาตชวนคุยเรื่องทิศทางเศรษฐกิจของบ้านเราในปีนี้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผมรวบรวมมาจากหลายๆแหล่ง ลองมาดูกันครับว่า มีเรื่องอะไรที่น่าจับตากันบ้าง

ปี 2556 นี้ จากการประมาณของหน่วยงานสำคัญๆเช่น แบงค์ชาติ, สภาพัฒน์, ศูนย์วิจัยต่างๆ คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของเรา (GDP) จะอยู่ที่ 5-6% โดยมีปัจจัยหลักคือ การลงทุนของรัฐ และ ปัจจัยหนุนคือ ภาคการส่งออก

ในส่วนของภาครัฐ มีนโยบายที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 7-8 แสนล้านบาท นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมออกพรบ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ระยะเวลา 7 ปี ซึ่งเงินกู้ส่วนใหญ่จะไปลงทุนในด้านการขนส่งระบบราง หากงบประมาณนี้ เบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จะทำให้ภาคเอกชนกล้าตัดสินใจและลงทุนตาม และเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

ในส่วนของภาคเอกชน กลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะมีการขยายตัวสูงคือ ธุรกิจ ICT หากบรรลุข้อตกลงเรื่องสัมปทาน 3G ธุรกิจกลุ่มนี้ก็น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%, ธุรกิจก่อสร้างจะยังขยายตัวจากผลกระทบน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ,  ธุรกิจประกันภัย ขยายตัวประมาณ 12-15% จากการที่คนเริ่มตระหนักถึงความเสียหายจากน้ำท่วมและวินาศภัย, ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์น่าจะขยายตัวประมาณ 10% จากนโยบายรถคันแรก

สำหรับภาคการส่งออก เรามาดูทิศทางเศรษฐกิจโลกกันก่อน โดยภาพรวมแล้ว เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว สัญญาณที่ดีตั้งแต่ต้นปีคือ สหรัฐบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง ทำให้รัฐบาลสามารถชะลอการปรับลดค่าใช้จ่ายไปอีก 2 เดือน นอกจากนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว สหรัฐมีเทคโนโลยีใหม่ในการขุดเอาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการนำเข้าน้ำมันและอาจจะกลายเป็นผู้ส่งออกก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่สำคัญ

ในส่วนของยุโรป ยังมีปัญหาหนี้เรื้อรังที่ยังแก้ไม่ได้เพราะต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับไทย เพราะเงินลงทุนน่าจะไหลมาที่เอเชีย และไทยเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน

ญี่ปุ่น มีนโยบายชัดเจนที่จะขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากประสบปัญหาเศรษฐกิจถดถอยมายาวนาน แต่จากการตัดสินใจปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้งหมดใน 18 ปีข้างหน้า ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น บวกกับความขัดแย้งเรื่องเกาะเซนซากุกับจีน ทำให้ไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆที่จะเป็นฐานการผลิตสำหรับภาคเอกชนญี่ปุ่น

จีน เศรษฐกิจจะยังขยายตัวต่อไปแม้จะไม่มากเท่าที่ผ่านมา ปัจจุบันค่าแรงในจีนสูงกว่าไทยแล้ว ซึ่งก็น่าจะเป็นโอกาสดีของไทยที่ได้เปรียบกว่าประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนเนื่องจากศักยภาพของเรา และสถานที่ตั้งซึ่งอยู่บนผืนแผ่นดินและมีโครงการรถไฟเชื่อมระหว่างประเทศกับจีน

โดยรวมแล้วในภาคการส่งออกของไทยน่าจะดีขึ้นจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ดีขึ้นและส่งผลในแง่บวกกับไทย

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เช่น ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองของบ้านเรา ซึ่งส่งผลต่อการดำเนินการตามนโยบายต่างๆ, ปัญหาผลกระทบของการขึ้นค่าแรง 300 บาท ทั่วประเทศ ซึ่งก็มีโรงงานในบางพื้นที่ต้องปิดตัวไปแล้ว, ปัญหาการทะลักของเงินทุนระยะสั้นเพราะความแตกต่างของดอกเบี้ยเงินบาทและดอลลาร์ ซึ่งอาจจะทำให้เงินบาทแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบเศรษฐกิจปรับตัวไม่ทัน

นี่ก็เป็นสรุปการคาดการณ์คร่าวๆจากหลายสำนักนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ลองติดตามกันดู

คิดสิ่งใดสมปรารถนาครับ สวัสดีปีใหม่ 2556

 

อภิชาติ ชยานุภัทร์กุล

บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลส สตีล เซ็นเตอร์

บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลสสตีล เซ็นเตอร์

ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลส ปีที่ 7 ฉบับที่ 82/ มกราคม 2556

 


 







แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล