ReadyPlanet.com




GDP กับ GNH article

 

ช่วงนี้ติดตามข่าวนโยบายใหม่ๆของรัฐบาลแล้วก็งงๆไปกับไอเดียแปลกๆของรัฐบาลหลายๆเรื่อง ก็คงต้องคอยดูกันต่อไปนะครับว่าจะได้ผลแค่ไหน

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ หลายๆประเทศต่างมุ่งเป้าหมายไปที่ตัวเลข GDP (Gross Domestic Product) นัยว่า หากสามารถทำตัวเลข GDP ได้สูงๆแล้วประชาชนจะอยู่ดีกินดี  เพราะฐานะทางเศรษฐกิจดีขึ้น

ซึ่งอันที่จริงแล้ว นอกจาก GDP แล้ว ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับฐานะทางเศรษฐกิจนะครับ แต่ประเด็นที่ผมอยากจะคุย คือ ถ้าฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นแล้วประชาชนจะมีความสุขจริงหรือ?

หากเป้าหมายของสังคมๆหนึ่ง คือ การให้คนในสังคมมีความสุข ก็ควรตั้งเป้าไปที่ความสุขของคนในสังคมโดยตรง ไม่จำเป็นต้องมาวัดกันที่ตัวเลขต่างๆที่ชี้วัดฐานะทางเศรษฐกิจ....มิใช่หรือ?

แน่นอนครับ ระดับความสุขนั้นค่อนข้างเป็นเรื่องนามธรรม การวัดนั้นทำได้ลำบาก กระนั้น บรรดานักวิชาการก็พยายามรวบรวมปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อความสุขของคนในสังคม แล้วนำปัจจัยเหล่านั้นมาให้น้ำหนักหาวิธีคิดคำนวณออกมาเป็นตัวเลขจนได้ ตัวเลขนี้ เรียกว่า Gross Nation Happiness (GNH)

ที่น่าสนใจคือ มีประเทศหนึ่งที่ใช้ GNH เป็นมาตรวัดที่สำคัญในการวัดความสำเร็จของการพัฒนาประเทศครับ

ประเทศนั้น คือ ประเทศภูฏาน

ไอเดียนี้เริ่มมาจากกษัตริย์องค์ก่อนซึ่งอยู่ในฐานะผู้นำประเทศด้วย ท่านต้องการพัฒนาเศรษฐกิจ โดยเน้นการยกระดับจิตใจและการอยู่ร่วมกันในสังคม ไปพร้อมๆกับความเจริญทางวัตถุ โดยหลักการคือ ภูฏานพยายาม ปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยยังตระหนักอยู่เสมอว่า จะต้องรักษาวัฒนธรรมของตนเอง,ทำตัวให้กลมกลืนกับธรรมชาติ, เน้นความสุขของส่วนรวม


ผลคือ ทุกวันนี้ประเทศภูฏานมี GDP ที่ต่ำมาก แต่จากการวัดความสุขด้วยวิธีการวัดแบบตะวันตกที่ได้รับการยอมรับ ภูฏานอยู่อันดับที่ 8 จาก 178 ประเทศ


เรื่องนี้ก็ถูกนักวิชาการฝรั่งบางคนค่อนขอดว่า เพราะ คนภูฏานส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักความสุข จากการมีทีวี, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ
พูดง่ายๆว่า มีความสุข เพราะไม่รู้ว่า มันมีอย่างอื่นอีกที่สร้างความสุขให้กับชีวิตได้มากกว่านี้
ฟังดูก็มีเหตุผลเหมือนกันนะครับ...
ย้อนมานึกถึงตัวเองแล้ว ถ้าเราไม่เคยเห็น laptop ก็เป็นไปไม่ได้ที่คิดจะอยากมีอยากได้ เพราะไม่รู้ว่ามันมีของแบบนี้อยู่ด้วย
แต่พอรู้ว่า มันมีคอมพิวเตอร์พกไปไหนมาไหนก็ได้แบบนี้อยู่ ก็คงคิดว่า มีแล้วชีวิตคงดีขึ้นอักโข แล้วก็อยากจะมีกับเค้ามั่ง

ไอนสไตน์เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาแปลกใจที่ทำไมมนุษย์เราได้ประดิษฐ์สิ่งต่างๆขึ้นมามากมายที่ทำให้ชีวิต สะดวกสบายขึ้น แต่มนุษย์กลับไม่ได้มีความสุขมากขึ้นเท่าใดนัก
ผมคิดว่า คำตอบน่าจะเป็นเพราะ ความสุขของคนเราอยู่ที่การพอ มิใช่การได้มาซึ่งวัตถุเหล่านั้น
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่โลกเรามีการพัฒนาด้านวิทยาการแบบก้าวกระโดด
มนุษย์เราคิดค้นเทคโนโลยี, เครื่องจักรและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมาย
แต่สิ่งที่ตามมาคือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะสิ่งที่ไม่เคยจำเป็นมาก่อนในสังคมมนุษย์ กลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมา
ยิ่งต้องการมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก จิตใจยิ่งสงบได้ยาก
....ความสุขก็ยิ่งอยู่ห่างไกลขึ้นไปอีก

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ถ้าชาวภูฏานได้รู้จัก/สัมผัส เครื่องใช้เทคโนโลยีอย่างฝรั่งแล้วจะเกิดความกระเหี้ยนกระหือรือ อยากมี อยากได้จนตัวสั่นบ้างหรือเปล่า

แล้วถ้ามีแล้วจะมีความสุขเพิ่มขึ้นไหม..

แต่เรื่องนี้ก็คงบอกอะไรได้อย่างหนึ่งว่า การที่คนเราจะมีความสุขได้นั้น ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลย เพียงแค่มีความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันกับตัวเอง, คนรอบตัว, สังคม, ธรรมชาติ

ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านหาจุดสมดุลในชีวิตของตัวเองให้เจอนะครับ

ดร.อภิชาติ ชยานุภัทร์กุล

บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลสสตีล เซ็นเตอร์

ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลส ปีที่ 7 ฉบับที่ 67/ ตุลาคม 2554







แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล