ReadyPlanet.com




EOQ

ฉบับนี้ขอเขียนบทความเกี่ยวกับทฤษฎีด้านการบริหารจัดการอีกสักฉบับนะครับ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องของการจัดการพัสดุคงคลังในส่วนของการสั่งซื้อ ในการดำเนินธุรกิจนั้น พัสดุคงคลังเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทั้งในธุรกิจซื้อมา-ขายไป และ ธุรกิจการผลิต หากเรามีพัสดุคงคลังน้อยก็จะไม่เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือ นำไปใช้เพื่อการผลิต ในขณะเดียวกัน หากมีพัสดุคงคลังมากเกินไป ก็จะทำให้ทุนจม, เปลืองเนื้อที่จัดเก็บ และ สำหรับพัสดุบางประเภทก็อาจเสื่อมสภาพไปตามเวลา เช่นพวกเคมีภัณฑ์ หรือ วัตถุดิบบางประเภท คำถามคือ ถ้าเช่นนั้นเราควรจะเก็บเท่าไหร่ และ สั่งซื้อเมื่อไหร่ เพื่อให้เกิดค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

ค่าใช้จ่ายในการบริหารพัสดุคงคลังนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  1. ค่าใช้จ่ายที่แปรผันตามจำนวนครั้งของการสั่งซื้อ คือ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องเสียในกระบวนการสั่งซื้อแต่ละครั้ง เช่น ค่าใช้จ่ายในการติดต่อ/ติดตามการสั่งซื้อ, การขนส่ง, การจัดการด้านบัญชี/เอกสาร
  2. ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาพัสดุ ประกอบด้วย ค่าเช่าสถานที่, ค่าเสื่อมคุณภาพ, ค่าดอกเบี้ยในทุนที่จมไป, ค่าใช้จ่ายในการควบคุมสภาวะการเก็บ เช่น อุณหภูมิ/ความชื้น ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะแปรผันตามจำนวนพัสดุที่เก็บไว้

 เราจะสังเกตเห็นได้ว่า ค่าใช้จ่ายทั้งสองประเภทนี้จะสวนทางกันอยู่ คือ หากเราสั่งซื้อบ่อยๆ ก็จะทำให้เราสามารถเก็บพัสดุน้อยลง หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ เราต้องเสียค่าใช้จ่ายในข้อ 1. มาก แต่จะเสียค่าเก็บรักษาน้อย แต่หากเราเก็บรักษาพัสดุมาก ก็จะทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อน้อย แต่เสียค่าเก็บรักษามาก การหาขนาดที่ประหยัดในการสั่งซื้อแต่ละครั้ง (Economic Order Quantity) คือการใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์เข้าช่วยเพื่อให้เราหาปริมาณสั่งซื้อที่ทำให้เสียค่าใช้จ่ายรวมน้อยที่สุด

 

 

 

ตัวอย่างในรูปที่ 1 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของค่าใช้จ่ายทั้งสองประเภท โดยสมมติว่าปริมาณที่เราต้องการสั่งซื้อทั้งหมด(ต่อปี) คือ 1000 หน่วย  เส้นประคือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสั่งซื้อ และเส้นทึบคือ ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ซึ่งจะแปรผันตามจำนวนที่เก็บ เส้นที่อยู่ด้านบนคือค่าใช้จ่ายรวม เราจะเห็นได้ว่า จุดที่ทั้งสองเส้นตัดกันคือ จุดที่ค่าใช้จ่ายรวมน้อยที่สุด เมื่อลากลงมาตัดกับแกน X ก็คือปริมาณสั่งซื้อที่ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด ในการคำนวณหาค่าปริมาณการสั่งซื้อที่ประหยัดที่สุดนี้ เราสมมติให้

A = ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ (บาท/ใบสั่งซื้อ)

S = ความต้องการผลิตภัณฑ์ของลูกค้า/ฝ่ายผลิต (หน่วย/ปี)

I = ค่าเก็บรักษาพัสดุ (บาท/หน่วย/ปี)

C = ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (บาท/ปี)

Q = ปริมาณที่สั่งซื้อในแต่ละครั้ง (หน่วย)

ค่าใช้จ่ายในการสั่งซื้อ/ปี จะเท่ากับ A x (S/Q) บาท

ค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาพัสดุคงคลัง จะเท่ากับ I x (Q/2) โดย Q/2 คือค่าเฉลี่ยของพัสดุที่อยู่ในคลัง

เราจะได้  C = A x (S/Q) + I x (Q/2)

เมื่อแก้สมการนี้เราจะได้ปริมาณที่สั่งซื้อที่ประหยัดที่สุด (Q*) =

และ ค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด (C*) =

 

ในการใช้สูตรคำนวณนี้ เราต้องเข้าใจเสียก่อนว่า แบบจำลองทั้งหมดถูกสมมติขึ้นมาภายใต้สภาวการณ์หนึ่งๆ ซึ่งในทางปฏิบัตินั้นมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงอีกมากมาย เช่น ราคาสินค้าในวันนี้กับอีกสองเดือนข้างหน้าอาจจะไม่เท่ากัน หากเราสั่งซื้อไว้ก่อนแม้จะเสียค่าเก็บรักษามากกว่า แต่ก็ทำให้ซื้อได้ถูกลง หรือ  หากสั่งเป็นจำนวนมากถึงระดับหนึ่ง จะได้ส่วนลดพิเศษ ซึ่งทำให้เราประหยัดได้มากกว่า แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาที่เพิ่มขึ้น หรือ เราจอาจจะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บหรือการเสื่อมสภาพของพัสดุ ทำให้ไม่สามารถเก็บสต๊อกไว้ได้เกินจำนวนหนึ่งๆ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกอีกหลายๆปัจจัย ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา, ภาษี, ราคาน้ำมัน, ความผันผวนของราคาวัสดุในตลาด, ความต้องการผลิตภัณฑ์ของตลาด ฯลฯ ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ต้องอาศัยจากข้อมูลด้านอื่นๆ และ การวิเคราะห์จากประสบการณ์เข้าช่วย

ทฤษฎีต่างๆนั้นสามารถช่วยเราได้ในระดับหนึ่งในการสร้างกระบวนการคิด/วิเคราะห์/ประยุกต์ใช้  แต่ผมเชื่อว่า สิ่งที่สำคัญกว่า คือสามัญสำนึกและประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องบอกว่า สอนกันยาก เพราะส่วนหนึ่งนั้นมาจากการปลูกฝังจากสภาพแวดล้อม, โอกาส, จังหวะชีวิต ส่วนหนึ่งนั้นมาจากไหวพริบ, ความคิดสร้างสรรค์, จินตนาการ และนั่นคือ เหตุผลที่เถ้าแก่หลายๆคนแม้จะไม่ได้รับการศึกษามากนักแต่สามารถประสบความสำเร็จได้ ส่วนตัวผมเองแล้วจึงเชื่อเสมอว่า การได้พูดคุยหรือศึกษาจากบุคคลเหล่านี้มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่าการศึกษาในตำราเลยครับ

 เอาละครับ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าครับ

 

 

อ้างอิง หนังสือ”การวิจัยดำเนินงาน ภาค Deterministic” โดย อ.วิจิตร ตัณฑสุทธิ์ และคณะ

 

 

ดร.อภิชาติ ชยานุภัทร์กุล

ผู้จัดการฝ่ายผลิต บจก. พี แอนด์ เอส สเตนเลสสตีล เซ็นเตอร์

ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลส ปีที่ 3 ฉบับที่ 25 / เมษยน 2551 

 







แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล