
เซกานิก เอฟเฟค ผมเชื่อว่า คงไม่มีใครไม่เคยผัดวันประกันพรุ่งนะครับ หลายๆเรื่องก็รู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าลงมือทำจะดีแน่ๆแต่พอนึกถึงว่าต้องทำอะไรบ้างกว่าจะสำเร็จก็ขี้เกียจเริ่มไปซะงั้น จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นธรรมชาติของมนุษย์และมีเทคนิคที่จะช่วยแก้ไขได้อยู่บ้าง วันนี้ผมจะมาเล่าที่มาที่ไปและแชร์เทคนิคที่ว่านี้ให้ฟังครับ เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 90 ปีที่แล้วในร้านอาหารแห่งหนึ่ง หญิงชาวลิธัวเนีย ชื่อ เซกานิก (Zeigarnik) ซึ่งขณะนั้นเป็นนักศึกษาปริญญาเอกสาขาจิตวิทยา ตั้งข้อสังเกตระหว่างที่รออาหารว่า พนักงานเสิร์ฟสามารถจำรายการอาหารของลูกค้าทุกคนที่สั่งมาได้หมด ถึงแม้จะมีรายละเอียดต่างๆมากมาย แต่พอเสิร์ฟเสร็จ ทุกอย่างที่พนักงานเสิร์ฟจำได้ก็จะเลือนหายไปทันที ประเด็นที่เธอสนใจคือ ความทรงจำจะค้างอยู่ในสมองพนักงานเสิร์ฟจนกว่างานนั้นจะเสร็จ ซึ่งไม่สำคัญว่า งานนั้นจะยาวนานแค่ไหน เธอจึงนำเรื่องนี้ไปศึกษาต่อเป็นวิทยานิพนธ์ และต่อมา ภาวะที่สมองมนุษย์ไม่ปล่อยวางจนกว่างานจะเสร็จนี้ จึงมีชื่อเรียกว่า เซกานิก เอฟเฟค ในงานวิจัยของเธอพบว่า นักศึกษาที่หยุดพักระหว่างอ่านหนังสือสอบจะทำข้อสอบได้ดีกว่านักศึกษาที่อ่านหนังสือรวดเดียวจบ แล้วเราจะเอาเทคนิคนี้มาประยุกต์ใช้อย่างไรบ้าง เมื่อเรารู้ถึงการทำงานของสมองแบบนี้ เวลาเรารู้สึกขี้เกียจมากๆ ก็แค่คิดว่า เราจะลงมือทำแค่นิดเดียว เช่น ตั้งเป้าไว้ว่า วันนี้จะวิ่งให้ได้หนึ่งชั่วโมง แต่พอถึงเวลา รู้สึกเหนื่อยๆขี้เกียจวิ่งมากๆ ก็คิดขึ้นมาว่า จะวิ่งแค่ 10 นาที ทีนี้พอได้เริ่มแล้ว เมื่อผ่านนาทีที่ 10 ความรู้สึกไม่อยากจะวิ่งก็จะลดลงไปมาก เพราะเรารู้สึกอยู่ลึกๆว่า มันยังไม่เสร็จ เริ่มแล้วก็อยากจะทำให้เสร็จ จนสามารถเอาชนะตัวขี้เกียจในใจได้ง่ายๆ เรื่องวิ่งนี่ ผมใช้เทคนิคนี้บ่อยครับ จึงสามารถรับรองผลได้จากประสบการณ์ตรง ประเด็นคือ ขอแค่ได้เริ่ม แล้วที่เหลือมันจะมาเองเหมือนสายน้ำ และอีกเทคนิคหนึ่ง คือ เวลาทำอะไรที่ต้องใช้เวลาทำต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เช่น ออกกำลังกาย หรือ งานโปรเจกต์ ให้หยุดตอนที่กำลังรู้สึกเพลิดเพลินไปกับมัน ให้รู้สึกว่ายังทำต่อไปได้อีก แต่ขอค้างไว้อย่างนี้ก่อน ที่ให้ทำอย่างนี้เพราะ พอมาเริ่มงานต่อในวันต่อไป ก็จะเริ่มต้นทำได้ง่าย แล้วมันก็จะต่อเนื่องของมันไปเอง นักเขียนหลายคนก็ใช้เทคนิคนี้ใช้การเขียนหนังสือ เช่น ฮารุกิ มุราคามิ ถ้าเป็นการออกกำลังกาย หากเราอัดจนหมดแรง พอวันต่อไปจะรู้สึกว่า ไม่อยากจะเริ่ม ไม่อยากจะเหนื่อยแบบเมื่อวานอีก แต่ถ้าเรารู้สึกว่า ยังไหว ต่อได้อีกเยอะ แต่หยุดซะก่อน วันรุ่งขึ้นก็จะเริ่มได้ง่ายขึ้นครับ ผมเคยอ่านเจอว่า โค้ชสอนวิ่งก็แนะนำเทคนิคลักษณะเดียวกันนี้ นอกจากนี้ยังมีการนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ทางการตลาด เช่น ซีรีส์โฆษณาเป็นตอนสั้นๆให้ติดตามต่อ หรือ บัตรสะสมแต้มที่ไม่ได้เริ่มจาก 0 แต้ม แต่มีแต้มเริ่มต้นให้แต่แรก ครับ ก็เป็นเทคนิคง่ายๆที่อยากให้ท่านผู้อ่านลองเอาไปใช้ดูนะครับ หวังว่า เซกานิก เอฟเฟค จะช่วยให้ท่านทำอะไรหลายๆอย่างลุล่วงได้ง่ายขึ้นครับ อ้างอิง https://www.facebook.com/ChatchapolBook/posts/893355910681755
ดร. อภิชาติ ชยานุภัทร์กุล บจก. พีแอนด์เอส สเตนเลสสตีลเซ็นเตอร์ ตีพิมพ์ในวารสารเพื่อนสเตนเลสปีที่9 ฉบับที่9/กันยายน 2557
|