จะใช้แผ่นให้คุ้มค่าเราก็ต้องเรียงชิ้นงานให้ได้มากที่สุดในพื้นที่แผ่นที่เรามี เราสามารถหมุนชิ้นงานที่shapeไม่สมมาตรเพื่อที่จะเรียงชิ้นงานได้โดยช่องว่างระหว่างชิ้นน้อยที่สุด, การใช้ใส้ในของชิ้นงานที่เหลือส่วนใส้ในเยอะเพื่อตัดชิ้นงานที่เล็กกว่า หรือ บริหารคิวการตัดเพื่อที่จะรวมชิ้นงานของลูกค้าหลายๆเจ้าที่มีความหนาเดียวกันมาตัดพร้อมกันโดยที่ยังส่งงานลูกค้าทันตามกำหนดที่ตกลงกับลูกค้าไว้

ทางบริษัทเราจะมีprogramสำเร็จรูปที่จะใช้ในการเรียงชิ้นงานอยู่ แต่ใช่ว่าที่การเรียงชิ้นงานของprogramจะเป็นรูปแบบที่ประหยัดวัสดุที่สุด ทางช่างจะต้องใช้ประสบการณ์เรียงชิ้นงานในหลายๆรูปแบบ(ต้องกำหนดconditionต่างๆให้programซึ่งแต่ละงานก็อาจต้องใช้conditionที่ต่างกันไป) เพื่อดูว่าการเรียงแบบไหนถึงจะใช้แผ่นได้คุ้มค่าโดยงานที่ตัดออกมาจะไม่เสียหาย ยกตัวอย่างหนึ่งเช่นว่าถ้าเราต้องตัดชิ้นงานทีมีลักษณะเรียวยาว การวางงานในทางยาวของแผ่นก็ดูเหมือนจะดีที่สุด แต่เวลาตัดจริงชิ้นงานก็อาจจะมีการดีดตัวจากแผ่นเนื่องจากความร้อนที่มาจากการตัดหรือความโก่งงอของเเผ่นที่เป็นมาอยู่แล้วซึ่งจะทำให้เครื่องจักรเกิดความเสียหายได้ (มูลค่าความเสียหายของเครื่องแน่นอนว่าจะต้องมากมายกว่าวัสดุที่เราจะประหยัด) ทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่ได้บอกว่าการเรียงงานเรียวยาวจะเรียงในแนวยาวของแผ่นไม่ได้ คือต้องขึ้นกับขนาดของงาน  วัสดุ และเทคนิคช่างหน้าเครื่องอีกด้วย

สิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือการจัดเก็บแผ่นที่ยังใช้ไม่หมดหลังการตัด ถ้าเก็บไม่ดี ไม่มีระเบียบหรือไม่มีrecordก็จะทำให้เราเสียแผ่นที่ยังใช้ไม่หมดไปเลยก็ได้ ในความเป็นจริงนี้การเก็บแผ่นเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ไหนจะมีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ในการจัดเก็บ, บุคลากร, ระบบในการtrackแผ่น, การเรียกดึงแผ่นเก่ามาใช้ในงานถัดไป, น้ำหนักที่มากของแผ่นซึ่งทำให้ยากในการดึง รื้อ เลือกใช้ และ อื่นๆอีกมากมาย

หวังว่าข้อมูลทางด้านบนจะเป็นประโยชน์กับรายงานของน้องนะคะ 

 ขอบคุณมากครับ

มันยังมีข้อมูลอื่นๆมากกว่านี้หรือไม่ครับ

ถ้ามีผมขอเพิ่มได้ไหมครับ

 ยังมีอีกมากมายค่ะ เพราะงานมีหลายประเภท หลากหลายแบบ ความหนาและวัสดุ จะให้ข้อมูลทุกตัวอย่าง ทุกรูปแบบคงลำบาก แต่ที่ให้ข้อมูลไปนี้ก็เป็นคราวก่อนคงให้ไอเดียไปต่อยอดได้เองนะคะ